วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

The Ark of Noah


หลังจากที่เราเดินทางในถิ่นทุรกันดารกันมาเกือบ 40 ปีแล้ว วันนี้เราจะพักจากถิ่นทุรกันดารที่แห้งแล้ง มาศึกษาเรื่องน้ำๆ กันบ้าง เราจะมาศึกษาเรื่องของเรือโนอาห์ ที่พระคัมภีร์ภาษาไทยเรียกว่า "นาวา (Ark)" หวังว่าพี่น้องจะไม่มีใครเมาคลื่นนะครับ :)

ถ้าจะพูดถึง "Ark" ในพระคัมภีร์ จะมีอยู่ 2 Arks หลักๆ 

1. The Ark of Noah (เรือของโนอาห์)
2. The Ark of Covenant (หีบพันธสัญญา)

Ark ทั้งสอง เป็นภาพสัญลักษณ์เล็งถึงพระเยซูคริสต์ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งเราจะมาเจาะลึกเรื่องของ Ark ทั้งสอง ในบล็อค insightscripture.blogspot.com ร่วมกันนะครับ วันนี้ขอพูดถึง The Ark of Noah ก่อนละกันนะ

ขอผมเริ่มจากการเล่าภูมิหลังเหตุการณ์ในตอนนั้นสักนิด เพื่อพวกเราจะรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น? จริงๆ ต้องย้อนเวลากลับไปที่พระคัมภีร์ปฐมกาล หลังจากที่มนุษย์ได้ล้มลงในความบาป และถ่ายโอนสิทธิการครอบครองไปให้กับซาตาน พระเจ้าได้ประทานพระสัญญาว่า ผ่านพงศ์พันธุ์ของหญิง พระเมสสิยาห์ จะมาประสูติ พระองค์จะเหยียบหัวซาตานแหลก และซาตานจะทำให้ส้นเท้าของพระองค์ฟกช้ำ (ปฐก 3:15)


เมื่อซาตานได้ยินอย่างนั้นแล้ว ซาตานย่อมไม่ยอมให้พระเมสสิยาห์มาประสูติได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ซาตานได้พยายามทำหลายต่อหลายอย่าง เพื่อขัดขวางการมาของพระเมสสิยาห์ สิ่งที่ซาตานพยายามทำในยุคของโนอาห์ก็คือ ทำลายพงศ์พันธุ์ของมนุษย์ โดยการลงมาสมสู่กับมนุษย์ผู้หญิง เพื่อให้เลือดของมนุษย์ปนเปื้อน จนพระเมสสิยาห์ไม่สามารถจะมาประสูติได้

มนุษย์ครึ่งผี จึงได้ถือกำเนิดขึ้น พระคัมภีร์ เรียกมนุษย์พวกนี้ว่า "เนฟิล (Nephilim)" นักศาสนศาสตร์ เชื่อกันว่า คนเนฟิล มี สองประเภท ประเภทแรก รูปร่างหน้าตาเป็นเนฟิล - สูงใหญ่ มนุษย์ยักษ์ และประเภทที่สอง รูปร่างหน้าตา เป็นเหมือนมนุษย์ แต่เลือดภายใน ปนเปื้อนเชื้อเนฟิล มนุษย์แท้เรียกได้ว่า เกือบสูญพันธุ์หมดแล้ว (ปฐก 6:1-4)

เพื่อที่จะปกป้องพงศ์พันธุ์มนุษย์แท้ที่ยังคงเหลืออยู่อย่างน้อยนิด ซึ่งก็คือ โนอาห์ และคนในครอบครัวของเขาอีกเจ็ดชีวิตในเวลานั้น พระเจ้าจึงให้โนอาห์ต่อนาวา (Ark) เนื่องจากพระองค์จะให้เกิดน้ำท่วมโลก เพื่อทำลายพงศ์พันธุ์วิปปลาส มนุษย์ครึ่งผีเหล่านี้ทิ้งเสีย (2ปต 2:4-5)

ปฐก 6:9 ...โนอาห์เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยของเขา...

คำว่า "ดีพร้อม" ตรงนี้ มาจากคำภาษาฮีบรูว่า "tamiym" คำว่า tamiym จะไม่ใช้กับความดีพร้อมทางด้านศีลธรรม แต่จะใช้กับ ความสมบูรณ์แบบของร่างกาย เช่น เวลาพระเจ้าให้คนอิสราเอลนำแกะที่ไม่มีตำหนิมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชา คำว่า สมบูรณ์พร้อม ไม่มีตำหนิ คือคำว่า "tamiym" ครอบครัวของโนอาห์ทั้งเจ็ดชีวิต คือครอบครัวมนุษย์แท้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ที่ไม่มีตำหนิ หรือถูกเจือปนด้วยเชื้อเนฟิล

ถึงตรงนี้ เรารู้แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น ทีนี้ ได้เวลาที่เราจะเคลื่อนเข้าสู่เนื้อหลักที่ผมอยากจะพูดถึงในบทความนี้ - The Ark of Noah

ปฐมกาล บทที่ 6 ข้อ 14-16 ได้พูดถึง วิธีสร้างนาวา (Ark) ที่พระเจ้ามอบหมายให้โนอาห์ อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ตอนต้นบทความว่า The Ark of Noah เป็นภาพสัญลักษณ์ เล็งถึงพระเยซูคริสต์ ให้เรามาร่วมกันถอดรหัสภาพสัญลักษณ์นี้นะครับ

ปฐก 6:14-16 14 เจ้าจงต่อนาวาด้วยไม้สนโกเฟอร์ แล้วทำเป็นห้องๆ และยาชันทั้งข้างในข้างนอก 15จงต่อนาวานั้นตามแบบนี้ คือยาวสามร้อยศอก กว้างห้าสิบศอก สูงสามสิบศอก 16 จงทำช่องข้างบนนาวาให้สูงศอกหนึ่ง จงตั้งประตูนาวาที่ด้านข้าง และทำดาดฟ้าชั้นล่าง ชั้นที่สองและที่สาม 


รายละเอียด 5 อย่างหลักๆ ของนาวามีดังนี้ 


1. วัตถุที่ใช้สร้าวนาวา - ไม้สนโกเฟอร์
2. ทำเป็นห้อง ๆ และยาชันทั้งข้างในข้างนอก
3. มีหน้าต่างอยู่ด้านบน - ช่องข้างบน
4. ประตูนาวา - ด้านข้าง
5. นาวามี 3 ชั้น

1. ไม้สนโกเฟอร์ (Gopherwood):

โกเฟอร์ ถือเป็นไม้สน (Cedar) ชนิดหนึ่ง เอกลักษณ์หลักอย่างหนึ่งของไม้สนก็คือ เป็นไม้เปลือกแข็ง ที่ปลวกมอด ไม่สามารถกัดกินได้ เล็งถึงพระเยซูที่มาประสูติเป็นมนุษย์ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พระองค์ทรงเป็นมนุษย์ที่บริสุทธิ์ปราศจากบาป ปลวกมอด เล็งถึงความบาปที่กัดกินชีวิตของมนุษย์ แต่ไม่สามารถกัดกินพระองค์ได้


บทเพลงซาโลมอนบทที่ 5 ข้อ 9-16 เป็นบทพรรณาถึงลักษณะของเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวในบทเพลงซาโลมอน เล็งถึงพระเยซูคริสต์ เจ้าสาวเล็งถึงคริสตจักร ในข้อ 15 ได้เปรียบทรวดทรงของเจ้าบ่าว สง่างามดังไม้สนสีดาร์เลบานอน

พซม 5:15 ขาของเขาดุจเสาหินอ่อน ตั้งบนฐานทองคำนพคุณ ทรวดทรงของเขามีสง่าดังเลบานอน ประเสริฐอย่างไม้สนสีดาร์



กว่าจะกลายเป็นนาวา ไม้สนโกเฟอร์จะต้องถูกตัด ถูกไถ ถูกตะไบ ถูกตอก ถูกทุบ เป็นภาพสัญลักษณ์ เล็งถึงพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมาน และที่สุดพระองค์ถูกตรึง ที่ไม้กางเขน เพื่อพระองค์จะได้เป็นนาวา แห่งความรอดให้กับพวกเราทุกคนในวันนี้


2. ทำเป็นห้อง ๆ และยาชันทั้งข้างในข้างนอก:

คำว่า "ห้อง" ที่พระคัมภีร์ภาษาไทยแปล มาจากคำภาษาฮีบรูว่า "qen" มีความหมายถึง "รังของนก"


รังนก คือภาพของความรัก, การปกป้อง, ความปลอดภัย และการจัดสรร เหมือนแม่นกอินทรีย์ ที่คอยหาอาหารมาป้อนให้กับลูกน้อยในรัง เธอจะคอยดูแลพิทักษ์รักษาและปกป้องลูกน้อยของเธอ เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงปกป้องดูแลคนของพระองค์ ที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกก็คือ ภายใต้ร่มปีกของพระเจ้า

สดด 17:8 ขอทรงรักษาข้าพระองค์ดังแก้วตา ทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้ภายใต้ร่มปีกของพระองค์

คำว่า "ชัน" มาจากคำภาษาฮีบรู "Kopher" มีความหมายถึงการไถ่บาป (Atonement) เป็นรากศัพท์คำเดียวกันกับ วันมลทินลบบาป (Day of Atonement) ที่ภาษาฮีบรู เรียกว่า Yom Kippur

ชันทั้งในทั้งนอก เป็นภาพเล็งถึง พระโลหิตของพระเยซูที่ต้องหลั่งออก เพื่อไถ่บาปให้กับพวกเราทุกคน

3. มีหน้าต่างอยู่ด้านบน - ช่องข้างบน

ตำแหน่งเดียวของนาวาที่มีหน้าต่าง ก็คือด้านบน พระเจ้าไม่ต้องการให้เรามองไปรอบๆข้าง แต่มองขึ้นไปที่พระองค์

4. ประตูนาวา - ด้านข้าง

ประตูนาวา คือ ที่ที่ครอบครัวของโนอาห์จะออกมาหลังจากที่น้ำลดแล้ว

อาดัมแรก พระเจ้าทรงทำให้เขาหลับสนิท และพระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงของเขา ออกมาสร้างเป็นเอวา - เอวาออกมาจากด้านข้างของอาดัม

อาดัมสุดท้าย (พระเยซู คริสต์) - คริสตจักร (ผู้เชื่อ) เกิดออกมาจากพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศีรษะ คริสตจักรเป็นพระวรกายของพระองค์

5. นาวามี 3 ชั้น

นักศาสนศาสตร์ เชื่อว่า นาวา 3 ชั้นเป็นภาพเล็งถึง การที่ผู้เชื่อ ได้รับการไถ่ทั้งร่างกาย, จิตใจ และจิตวิญญาณ

ทันทีที่เราต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด จิตวิญญาณที่ตายแล้วของเรา กลับมีชีวิตขึ้นใหม่ จิตใจของเรา เกิดความปรารถนา ที่จะประพฤติตามชอบพระทัยของพระเจ้า (ฟป 2:13) พร้อมกับได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทุกวัน ผ่านพระวจนะของพระเจ้า และท้ายที่สุด เมื่อพระเยซูกลับมารับเรา พวกเราทุกคนจะได้กายใหม่

สดด 7:16 สัตว์ทั้งหลายที่เข้าไปนั้นมีทั้งตัวผู้และตัวเมียทุกอย่าง ต่างเข้าไปตามที่พระเจ้าทรงบัญชา แล้วพระเจ้าทรงปิดประตูนาวาเสีย


เมื่อโนอาห์ และครอบครัวขึ้นเรือเรียบร้อย ก่อนที่ฝนจะตกลงมา พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเจ้าเอง เป็นผู้ปิดประตูนาวาให้กับพวกเขา คำว่า พระเจ้า ตรงนี้ คือคำว่า "Yahweh" มีความหมายว่า พระเจ้าแห่งพันธสัญญา (ถ้าพี่น้องยังไม่เคยอ่านบทความ YHVH ลองไปอ่านดูนะครับ ผมได้อธิบายความหมายของคำว่า Yahweh เอาไว้) พระเจ้าเองเป็นคนระวังหลัง และปิดประตูเรือให้กับโนอาห์


ตอนที่กองทัพอียิปต์ไล่ล่าคนอิสราเอลไปถึงทะเลแดง เสาเมฆของพระเจ้าหมุนไปอยู่ด้านหลังขบวนคาราวานของคนอิสราเอล พระเจ้าทรงระวังหลังให้กับพวกเขา (อพย 14:19) พี่น้องที่รัก วันนี้พระเจ้า ไม่เพียงแต่นำท่าน พระองค์ยังคอยระวังหลังให้กับท่านด้วย เมื่อพระเจ้าทรงระวังหลังให้กับท่าน ไม่มีอะไรที่ท่านต้องเป็นกังวล ให้เราเรียนรู้จักพักสงบ และวางใจในพระเจ้าของเรา


ปฐก 7:11-12 11 เมื่อโนอาห์มีอายุได้หกร้อยปีในเดือนที่สองวันที่สิบเจ็ดของเดือนนั้น ในวันนั้นเองน้ำจากบาดาลก็พลุ่งขึ้นมาตามธารทุกสาย และช่องฟ้าก็เปิด 12 ฝนตกบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน 


เหตุการณ์น้ำพลุ่งขึ้นจากบาดาล และธารทุกสาย และช่องฟ้าเปิดออก ฝนตกบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน จนน้ำท่วมโลกในที่สุด ในพระคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ 7 เป็นภาพสัญลักษณ์เล็งถึงการพิพากษา

น้ำจากบาดาล และธารทุกสาย พลุ่งขึ้น กระแทกนาวา ฝนห่าใหญ่จากท้องฟ้าที่เปิดออก เทลงมาอย่างหนักหน่วง ลงบนนาวา เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน - การพิพากษาของพระเจ้าได้ถูกเทลงมาบนองค์พระเยซูคริสต์ ที่ไม้กางเขน ความบาปและคำสาปแช่งของมนุษย์ชั่วชาติพันธุ์ ได้รวมกันอยู่บนร่างกายพระเยซู 


พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งบริสุทธิ์ปราศจากบาป ที่บนกางเขน พระองค์ได้กลายเป็นบาปเพื่อเรา เพื่อที่เราโดยพระองค์ จะได้เป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า

1ปต 2:24 พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้ตายจากบาปได้ และดำเนินชีวิตตามคลองธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย


2คร 5:21 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์

บาปของมนุษย์ทั้งโลก ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้มารวมกันอยู่บนพระวรกายขององค์พระเยซูคริสต์ ชีวิตของมนุษย์ทั้งโลก ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน หรือในอนาคตรวมกัน ก็ไม่อาจเทียบได้กับหนึ่งชีวิตของพระเยซู เราต้องไม่ลืม ว่าพระองค์เป็นผู้ใด?

พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระองค์เป็นเจ้าชีวิตของสรรพสิ่งทั้งปวง ในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้น ไม่มีสักสิ่งเดียว ที่ได้เป็นขึ้นมานอกเหนือจากพระองค์ (ยน 1:1-3) เมื่อพระเยซูตรัสว่า "สำเร็จแล้ว" จะมีความหมายอื่นไปไม่ได้ นอกจากงานไถ่บาปให้กับมนุษย์ ได้สำเร็จแล้วจริงๆ

การพิพากษาของพระเจ้าได้ลงมาบนพระเยซู (นาวา) ผู้ที่เชื่อในงานที่สำเร็จแล้วของพระองค์ เป็นเสมือน โนอาห์ และครอบครัวของเขาอีกเจ็ดชีวิต ที่ได้อาศัยอยู่ในนาวา พวกเขาเหล่านั้น จะไม่ถูกพิพากษาจากพระเจ้าอีกต่อไป เพราะพระเยซูผู้เป็นนาวาของเขา ได้ถูกพิพากษาแทนพวกเขาแล้ว ด้วยความยุติธรรมของพระเจ้า พระองค์จึงไม่สามารถลงโทษผู้เชื่อซ้ำอีก

มนุษย์ผู้ซึ่งเป็นคนบาป ยังรู้เลยว่า ความผิดเดียวกัน จะไม่ถูกลงโทษซ้ำสองครั้ง Law of Double Jeopardy เป็นหลักปฏิบัติสากล ในขบวนการยุติธรรมทั่วโลก

ตอนที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พวกเรายังไม่เกิด แสดงว่าบาปของเรายังเป็นอนาคตอยู่ แล้วอะไรทำให้ฤทธิ์อำนาจแห่งพระโลหิตของพระเยซู หมดลงในวันที่เรารับเชื่อ

ปัจจุบันมีคำสอน ที่เชื่อว่า บาปของเราตั้งแต่เราเกิด ถึงวันที่เรารับเชื่อได้ถูกยกโทษแล้ว แต่หลังจากวันรับเชื่อ ผู้เชื่อต้องระมัดระวัง ถือรักษาบทบัญญัติ หรือหลักการต่างๆ หนึ่ง สอง สาม สี่ ฯลฯ มิเช่นนั้น พวกเขาจะหลุด และไปไม่ถึงซึ่งความรอดในที่สุด สืบเนื่องจากการยกโทษบาปได้สิ้นสุดลง ณ วันที่เขารับเชื่อพระเยซู ดังนั้นหลังจากวันรับเชื่อเป็นต้นมา พวกเขาต้อง ถือรักษาบัญญัติ หรือหลักการต่างๆ มากมาย คำสอนนี้ เป็นคำสอนที่ไม่ได้อิงอยู่บนหลักพระคัมภีร์

อีกคำสอนหนึ่ง ก็คือ การยกโทษบาป จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการสารภาพบาปเท่านั้น คำถาม ถ้าคริสเตียนผู้เชื่อยังไม่ทันสารภาพบาป แต่ดันตายซะก่อน เขาจะรอดไหม? ด้วยความเชื่อบนคำสอนนี้ เขาคนนั้นจะไม่รอด เพราะบาปของเขายังไม่ถูกสารภาพ จึงไม่เกิดการล้างชำระ? 

1ยน 1:7 แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น

ในพระคัมภีร์ 1ยน 1:7 คำว่า "ชำระ" กริยา (Tense) ให้ความหมายถึง การล้างชำระอยู่ตลอดเวลาทันที เมื่อไหร่ที่บาปเกิด การล้างชำระก็เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เป็นภาพเหมือน ก้อนหินที่อยู่ใต้ธารน้ำตก



ความจริงก็คือ ความบาปทั้งชีวิตของเรา ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้ถูกยกโทษหมดสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านงานที่สำเร็จแล้วบนไม้กางเขนของพระเยซู

ในเทศกาลปัสกา บุตรหัวปีของคนอิสราเอล รอดจากการถูกประหาร เพราะโลหิตแกะที่ทาอยู่ที่วงกบประตู ซึ่งเป็นภาพเล็ง ถึงพระเยซูที่พระองค์ทรงเป็นปัสกาของเรา

โนอาห์และครอบครัว รอดจากการพิพากษา น้ำท่วมโลก เพราะพวกเขาได้ลี้ภัยอยู่ในนาวา

วันนี้เรารอดจากการพิพากษา ก็เพราะพระโลหิตของพระเยซู ที่หลั่งออกเพื่อเรา เมื่อเราต้อนรับพระเยซู พระโลหิตของพระองค์ได้ทาอยู่บนชีวิตของเรา ทูตแห่งความตายจะผ่านเราไป

และวันนี้อีกเช่นกัน เรารอดจากการพิพากษา เพราะเราอยู่ในนาวา (ในพระคริสต์) หลังต้อนรับพระเยซู เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เราอาจล้มลง ผิดพลาด ทำบาป แต่เราก็ล้มอยู่ในนาวา ไม่ได้ล้มออกมานอกนาวา

ขอบคุณพระเยซู ที่พระองค์ทรงเป็นปัสกา และนาวาของพวกเรา


ปฐก 8:4 ณ วันที่สิบเจ็ดของเดือนที่เจ็ด นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต 


น้ำท่วมโลกอยู่ 150 วัน วันที่สิบเจ็ดของเดือนที่เจ็ด นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต

นาวาบนเทือกเขาอารารัต (Ararat) ในวันที่สิบเจ็ดของเดือนเจ็ด เล็งถึง การที่พระเยซูคริสต์ จะฟื้นคืนพระชนม์ในวันเทศกาลถวายผลแรก ในอีก 4,000 ปีถัดมา - วันที่สิบเจ็ดของเดือนเจ็ด คือวันเทศกาลถวายผลแรก (The Feast of Firstfruits)


นาวาบนยอดเขาอารารัต ยังเป็นภาพสัญลักษณ์ที่ พระเยซูได้เสด็จกลับไปประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา

คำว่า อารารัต (Ararat) มีความหมายว่า คำสาปแช่งที่ย้อนกลับ หรือพูดอีกนัย ก็คือ ไม่มีคำแช่งสาปอีกต่อไป วันนี้เราผู้เชื่อยืนอยู่บนพื้น ที่ปลอดและปราศจากคำแช่งสาป เพราะพระเยซูได้แบกรับเอาคำแช่งสาปไปจากเราแล้ว (กท 3:13)

ปฐก 9:11-17 11 เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่าจะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีก และจะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกต่อไป" 12 พระเจ้าตรัสว่า "นี่แหละเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญา ซึ่งเราตั้งไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้า ทั้งบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ 13 คือเราตั้งรุ้งของเราไว้ที่เมฆ และรุ้งนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับโลก 14 เมื่อเราให้มีเมฆเหนือแผ่นดิน และมีรุ้งขึ้นที่เมฆนั้น 15 เราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราระหว่างเรากับเจ้าและบรรดาสัตว์ที่มีชีวิต แล้วน้ำจะไม่ท่วมทำลายบรรดาสัตว์โลกอีกเลย 16 เมื่อมีรุ้งที่เมฆ เราจะดูรุ้งนั้น และระลึกถึงพันธสัญญาถาวรระหว่างพระเจ้ากับบรรดาสัตว์โลกที่มีชีวิต ซึ่งอยู่บนแผ่นดินโลก" 17 พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า "นี่แหละเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาที่เราได้ตั้งไว้ระหว่างเรากับบรรดาสัตว์โลกซึ่งอยู่บนแผ่นดิน"

ในบทที่ 9 ของพระคัมภีร์ปฐมกาล พระเจ้าได้ทรงประทาน "รุ้ง (Rainbow)" ให้เป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาว่า จะไม่มีการพิพากษาอีกต่อไป

ผมอยากจะจบบทความนี้ด้วยพระคัมภีร์อิสยาห์บทที่ 54 ในพระคัมภีร์อิสยาห์บทที่ 54 พระเจ้าได้ตรัสถึง เหตุการณ์น้ำท่วมโลกในสมัยของ
โนอาห์

พระคัมภีร์อิสยาห์บทที่ 53 เป็นบทที่ผู้เชื่อรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นคำพยากรณ์ที่เล็งถึง พระเมสสิยาห์ที่พระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมาน เพื่อไถ่บาปให้กับเรา บทที่ 54 เป็นบทต่อเนื่อง พูดถึงผลที่เกิดขึ้นจากงานที่สำเร็จแล้วของพระเมสสิยาห์ในบทที่ 53

อสย 54:9-10 9 "สำหรับเราเรื่องนี้เหมือนสมัยของโนอาห์ เราได้ปฏิญาณว่าน้ำของโนอาห์ จะไม่ท่วมแผ่นดินโลกอีกเลยฉันใด เราจึงได้ปฏิญาณว่าเราจะไม่โกรธเจ้า และจะไม่ขนาบเจ้าฉันนั้น 10 เพราะภูเขาอาจจะพรากจากไป และเนินอาจจะคลอนแคลน แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่พรากไปจากเจ้า และพันธสัญญาแห่งสันติภาพของเราจะไม่คลอนแคลนไป พระเจ้าผู้มีความสมเพชต่อเจ้าตรัสดังนี้

Isa 54:9-10 9 "For this is like the waters of Noah to Me; for as I have sworn that the waters of Noah would no longer cover the earth, so have I sworn that I would not be angry with you, nor rebuke you. 10 For the mountains shall depart and the hills be removed, but My kindness shall not depart from you, nor shall My covenant of peace be removed," says the LORD, who has mercy on you.


คำว่า "ปฏิญาณ" คือคำว่า "สาบาน" พระเจ้าได้สาบานกับเราว่า ด้วยงานที่สำเร็จแล้วของพระเมสสิยาห์ พระองค์จะไม่พิพากษาเราอีกต่อไป ไม่เพียงเท่านั้น พระองค์ยังบอกอีกว่า พระองค์จะไม่โกรธเรา จะไม่ประณามเราอีกเลย พระองค์ยังให้ความมั่นใจกับเราอีกว่า แม้ภูเขาจะพรากจากไป เนินจะคลอนแคลน แต่ความรักมั่นคงของพระเจ้า จะไม่มีวันพรากไปจากเราเลย

พันธสัญญาแห่งสันติภาพ (Covenant of Peace) ตรงนี้เล็งถึงพันธสัญญาใหม่แห่งพระคุณพระเจ้า พระเจ้ากำลังบอกกับเราว่า ด้วยงานที่สำเร็จแล้วของพระเมสสิยาห์ พระคุณของพระองค์ จะดำรงอยู่กับเราตลอดไป พระคุณ ที่ไม่ขึ้นกับความดี ความสมควร และความคู่ควรของเรา

ผมไม่ชอบ ไม่ชอบเลยจริงๆ ที่พระคัมภีร์ภาษาไทยไปแปลว่า "พระเจ้าผู้มีความสมเพชต่อเจ้า" ฟังแล้ว ไปทอน ความงดงามของกลาบกลอนตรงนี้ลงไป จริงๆ ที่พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลออกมาว่า "สมเพช" คือคำว่า "Racham" ในภาษาฮีบรู มีความหมายว่า รักสุดหัวใจ (to love deeply) และอุดมด้วยความกรุณา (to have mercy)

พระเจ้าปิดท้ายคำสาบานของพระองค์ว่า พระเจ้ารักเราสุดหัวใจ และพระองค์มีพระกรุณาให้เราอย่างเต็มเปี่ยม พระคุณ คือการที่เราได้รับในสิ่งดีๆ ที่เราไม่สมควร พระกรุณา คือการที่เราไม่ต้องรับสิ่งไม่ดี ที่เราสมควรได้รับ

จริงๆ แล้ว พระเจ้าไม่จำเป็นต้องสาบาน เพราะคำพูดของพระองค์มีน้ำหนักเสมอ พระองค์ไม่เคยมุสา แต่ที่พระองค์ทรงสาบาน ก็เพื่อเรา เพื่อให้เรามั่นใจ ในพระสัญญาของพระองค์ พระเจ้าสัญญา พระเจ้าสาบาน และพระองค์ยังให้พระวิญญาณบริสุทธิ์กับเราไว้เป็นมัดจำถึงความรอดของเราอีก พระเยซูจะกลับมารับพวกเรา ไปอยู่กับพระองค์อย่างแน่นอน

พี่น้องที่รัก ด้วยงานที่สำเร็จแล้วของพระเยซู วันนี้พระเจ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา พระเจ้าสัญญาว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา จะไม่เคยเปลียนแปลง ถ้าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด รักเรา และรักเรามากขนาดนี้ ไม่มีอะไรที่เราต้องเป็นกังวล

วันนี้มีอะไรหรือเปล่า ที่กำลังรบกวนจิตใจของเรา ทำให้เราไม่สบายใจ และขโมยสันติสุขของพระเจ้า ไปจากใจของเรา ให้เรามองขึ้นไป ที่นาวาไม่มีหน้าต่างข้าง มีแต่หน้าต่างบน พระเจ้าอยากให้เรามอง มองขึ้นไปที่พระองค์ อย่าให้คลื่นลม อุปสรรคปัญหา ทำให้เราละสายตาไปจากพระเจ้าที่รักเรา พระเจ้ารักเรา พระองค์จะช่วยเรา เพราะพระองค์ทรงมีพันธสัญญากับเรา

ไม่มีการพิพากษาอีกแล้ว สำหรับพวกเราที่เชื่อ และอยู่ในนาวาของพระเจ้า งานของพระเยซูคริสต์ ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ มีเพลงนมัสการอยู่เพลงหนึ่ง เป็นเพลงที่เก่ามากแล้ว หลายคริสตจักร ก็อาจไม่ได้ใช้เพลงนี้แล้ว แต่เพลงนี้ก็ยังเป็นเพลงง่ายๆ ที่เมื่อไหร่ ที่ผมร้องมัน ผมก็สัมผัสได้ถึงความรักมากมาย ที่พระเจ้ามีต่อผม มีท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงบอกว่า "ความรักมั่นคงของพระเจ้า ไม่เคยยั้งหยุด พระเมตตาคุณหลั่งลงมาอยู่เสมอ ใหม่ทุกเช้า..."

พี่น้องรู้ไหมครับว่า ทำไมความรัก และพระเมตตาคุณของพระเจ้าถึงต้องใหม่ทุกเช้า เหตุผลก็เพราะว่า เราผิดพลาดทุกวัน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ไม่ว่าเราจะผิดพลาดทุกวัน ความรัก และพระเมตตาคุณของพระเจ้า ก็ตามมาหาเราในทุกๆ เช้า



ไม่ว่าพี่น้องกำลังเผชิญความท้าทายอะไรอยู่ก็ตาม... ขอให้พี่น้องอย่าลืมความจริงในข้อนี้ว่า พระเจ้ารักพี่น้อง รักอย่างสุดหัวใจของพระองค์ พระเจ้าจะช่วยพี่น้องอย่างแน่นอน ขอให้พี่น้อง เชื่อมั่นในความรักของพระองค์ เพราะว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน กับคนที่เชื่อว่า พระเจ้าทรงรักเขาและเธอ

4 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณพระเยซูในความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อเรา

    ตอบลบ
  2. เป็นคำเทศนาที่หนุนใจมากค่ะ

    หนุย

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณมากค่ะคำเทศนาหนุนใจมาก คือคำว่า "Racham" ในภาษาฮีบรู มีความหมายว่า รักสุดหัวใจ (to love deeply) และอุดมด้วยความกรุณา (to have mercy) ไม่ใช "สมเพช"

    ตอบลบ
  4. ใหม่ทุกเช้าเร้าในดวงใจ ทราบซึ้งทุก ทุกวันใหม่พระองค์ทรงความเที่ยงตรงยิ่งนัก พระองค์ทรงความเี่ที่ยงตรง

    ตอบลบ